ขอขอบคุณภาพจาก วิกิพีเดีย
หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย(สะดุ้งมาร) องค์พระเป็นทองสำริดทั้งองค์ หน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๑ คืบ ลักษณะเบิกพระเนตร ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดบางพลีใหญ่ใน ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการกล่าวขวัญว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลีและพุทธศาสนิกชนทั่วไป
มีประวัติความเป็นมาดังนี้
ตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าเมื่อประมาณ ๒๐๐ กว่าปีก่อน มีพระพุทธรูป ๓ องค์ ลอยลงมาจากทางเหนือตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา พระพุทธรูปทั้ง ๓ องค์ ได้แสดงอภินิหารลอยล่องมาตามลำแม่น้ำและบางครั้งก็แสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ผุดให้ผู้คนเห็นจนเป็นที่โจษจันกันทั่วถึงอภินิหารและความศักดิ์สิทธิ์
ขอขอบคุณภาพจากwww.dhammajak.nett/forums/viewtopic.php?f=73&t=19291
พระพุทธรูปทั้งสามองค์ ได้แสดงปาฏิหารย์ปรากฎให้ประชาชนพบเห็นในที่ต่าง ๆ กัน เป็นที่โจญจันกันไปทั่ว และสถานที่นั้นก็จะมีชื่อเรียกอันเกี่ยวพันกับพระพุทธรูปทั้ง สาม นี้ เช่น
ตำยลสามเสน สามพระทวน ( หรือสัมปทวน) และบางพระ เป็นต้น
ต่อมาพระพุทธรูปองค์หนึ่งลอยวกเข้าไปทางปากแม่น้ำท่าจีนจนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดเพชรสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม คือหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ถูกอาราธนาขึ้นจากน้ำเป็นองค์ที่ ๑
ในเวลาไล่เลี่ยกันพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งก็ลอยวกเข้าไปทางปากแม่น้ำบางปะกง จนได้ไปขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา คือหลวงพ่อพุทธโสธร ถูกอาราธนาขึ้นจากน้ำเป็นองค์ที่ ๒
ส่วนอีกองค์หนึ่ง(หลวงพ่อโต)ก็ได้ล่องลอยเรื่อยมาตามลำแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนจะลอยวกเข้ามาในลำคลองสำโรง ประชาชนที่พบเห็นต่างก็โจษจันกันไปทั่ว พร้อมกับได้ร่วมกันพยายามอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ก็ไม่สามารถอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นได้สำเร็จ
ผู้มีปัญญาดีคนหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า คงเป็นเพราะบุญญาอภินิหารของท่าน เพราะแม้ว่าจะใช้ผู้คนจำนวนมากก็ยังไม่สามารถอาราธนาฉุดท่านขึ้นบนฝั่งได้สำเร็จ จึงควรจะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์ท่านแล้วใช้เรือพายฉุดท่านให้ลอยไปตามลำคลองสำโรง พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานว่าหากท่านประสงค์จะขึ้นที่ใดก็ขอให้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาหยุด ณ ที่นั้น
เมื่อประชาชนทั้งหลายเห็นพ้องกันดังนั้นแล้ว ก็พร้อมใจกันทำแพผูกชะลอกับองค์ท่านแล้วใช้เรือช่วยกันจ้ำพายจูงแพลอยเรื่อยมาตามลำคลอง เรือที่นำมาลากจูงล้วนแต่มีชื่อแปลกหู เช่น ม้าน้ำ เป็ดน้ำ ตุ๊กแก ฯลฯ พร้อมกันนั้นจัดให้มีละครเจ้ากรับ รำถวาย และการละเล่นอื่น ๆ ครื้นเครงมาตลอดลำน้ำ
ครั้นเมื่อแพลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงครามหรือวัดบางพลีใหญ่ใน แพที่ผูกชะลอองค์ท่านมาก็เกิดหยุดนิ่ง แม้ว่าจะพยายามจ้ำและพายกันอย่างเต็มที่เต็มกำลังแพนั้นก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน
ประชาชนที่มากับเรือและชาวบางพลีจึงได้พร้อมใจกันอาราธนาอัญเชิญองค์ท่านขึ้นจากน้ำโดยพร้อมใจกันอธิษฐานว่า " ถ้าหลวงพ่อจะโปรดคุ้มครองชาวบางพลีใหเได้รับความร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ก็ขออาราธนาอัญเขิญองคฺท่านให้ขึ้นจากน้ำโดยง่ายเถิด " ซื่งก็เป็นที่น่าอัศจรรย์เมื่อใช้คนเพียงไม่มากนักก็สามารถอาราธนาท่านขึ้นจากน้ำได้โดยง่าย ทำให้ประชาชนต่างแซ่ซ้องในอภินิหารของท่านเป็นอย่างยิ่งและได้อาราธนาท่านขึ้นประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ต้องชลอขึ้นข้ามฝาผนังวิหาร ขณะนั้นหลังคาวิหารยังสร้างไม่สร้าง และประตูวิหารมีขนาดเล็ก หลังจากนั้นหลวงพ่อได้ประดิษฐานในพระวิหารเรื่อยมา
ขอขอบคุณภาพจากwww.dhammajak.nett/forums/viewtopic.php?f=73&t=19291
ต่อมามีการทำนุบำรุงพระวิหารอีกเพื่อสร้างเป็นพระอุโบสถถาวรจึงต้องชลอองค์ท่านมาพักที่ศาลาชั่วคราว จนกระทั่งสร้างพระอุโบสถสำเร็จแล้วจึงอาราธนาท่านมาประดิษฐานไว้ในอุโบสถเพื่อเป็นประธานของวัดบางพลีใหญ่ใน
ถวายนามหลวงพ่อโต
การที่ท่านได้รับการถวายนามว่า หลวงพ่อโต นั้นคงเป็นเพราะองค์ของท่านใหญ่โต คือ ใหญ่โตกว่าองค์ที่ลอยน้ำมาด้วยกันทั้ง ๒ องค์ ประชาชนจึงพากันถวายนามว่า หลวงพ่อโต และเป็นที่เคารพสักการะของชาวบางพลีและใกล้เคียงในนาม หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน ตราบจนทุกวันนี้
ขอขอบคุณภาพจากwww.dhammajak.nett/forums/viewtopic.php?f=73&t=19291
ทั้งนี้ การลำดับว่าพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาพร้อมกันตามตำนานที่สืบต่อกันมา ว่าองค์ไหนองค์พี่ องค์กลางและองค์น้องนั้นเข้าใจว่าคงจะนับเอาองค์ที่อาราธนาขึ้นจากน้ำได้ก่อนเป็นองค์พี่ ขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๒ เป็นองค์กลาง ขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๓ เป็นองค์น้องตามลำดับ คือ
• หลวงพ่อวัดบ้านแหลม วัดเพชรสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๑
• หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวราราม จังหวัดฉะเชิงเทรา อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ ๒
• หลวงพ่อโต วัดพลับพลาชัยชนะสงคราม จังหวัดสมุทรปราการ อาราธนาขึ้นจากน้ำ เป็นองค์ที่ ๓
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.watbangpleeyainai.org/node/2
http://th.wikipedia.org/wiki/หลวงพ่อโต_(บางพลี)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น