วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การไปร่วมสังเกตการณ์ถ่ายทำรายการภัตตาคารบ้านทุ่ง






ขอน้อมนำส่งบุญกุศลที่ได้ไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในวันที่ ๙-๑๗  มิถุนายน ๒๕๕๘ มายังผู้อ่านทุกท่าน


ในที่สุดก็สรุปลงตัวว่า วันที่ ๑๖ มิถุนายนเป็นวันการสำรวจสถานที่
วันที่ ๑๗ มิถุนายน การไปเก็บฝักรุ่ย และขั้นตอนการทำรุ่ย
วันที่ ๑๘ มิถุนายน ถ่ายทำการปรุงอาหาร




บ้าน คุณป้าสมจิตร ประดิษฐ์พงษ์

สำหรับสถานที่ทำรายการบ้านคุณทองหยิบ โรจนพร นั้นมีการเปลี่ยนแปลง ถ่ายทำที่บ้าน คุณป้าสมจิตร ประดิษฐ์พงษ์ ซึ่งมีบ้านติดริมแม่น้ำบางปะกง

ส่วนตัวพลอยโพยมเองไม่ต้องลากรรมฐานออกมาช่วยศึกษานิเทศก์ เปี่ยมจิต ซึ่งทั้งนี้พลอยโพยมทราบโดยอ่านไลน์ของคุณน้อย (ลาวัลย์ จิรเสาวภาคย์ ) เพราะกำหนดวันสุดท้ายเป็นวันออกจากการปฏิบัติวิปัสสนา ก็คือวันที่ ๑๗ มิถุนายน เวลาเที่ยงเป็นเวลาที่ได้กลับบ้าน แต่เผอิญพลอยโพยมต้องไปส่งรุ่นน้องที่พาคุณแม่วัย ๗๘ ปี มาปฏิบัติธรรมด้วย



ดอกเข็มสีชมพูสดใสที่บ้านทำขนมชั้น

จากคลองสามปทุมธานี ไปสุขาภิบาล ๕ แล้ววกกลับมารับน้ำพริกกะปิที่บ้านพี่อรรถพล ตันสุตะพานิช ที่บางนาซึ่งในตอนกลางคืนต่อเช้าวันที่ ๑๗ มิถุนายน ฝนตกหนักมาก จนต้องใช้คำว่าขับรถมุดน้ำท่วมที่สี่แยกบางนา ดั้นด้นเข้าไปรับน้ำพริกกะปิ และขิงดองกลับเอามาใส่ตู้เย็นที่บ้านศึกษานิเทศก์เปี่ยมจิต และโทรศัพท์สั่งทำขนมชั้น ใช้วันที่ ๑๘ มิถุนายน ไปดูต้นเสม็ดแดงที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทราต้องผิดหวังเพราะไม่มีใบอ่อนเลย จึงต้องไปสำรวจต้นเสม็ดแดงที่วัดผาณิตาราม มีบ้างแต่กิ่งอยู่สูงมากไม่สามารถเก็บได้

จากนั้นก็ไปรับกุ้งแม่น้ำซึ่งคุณกัญจน์ ทัตติยกุลซื้อไว้ให้แล้วใกล้ ๆ บ้านลุงสายยัน ที่บ้านริมแม่น้ำในวัดแสนภูดาษ แล้วนำกลับเอามาต้มเค็มในเย็นวันนั้นใส่ตู้เย็นเก็บไว้






ในตอนเช้าวันที่ ๑๘ พลอยโพยมก็ไปเก็บใบปรงทะเลที่หลังบ้าน เก็บยอดรากสามสิบที่มีบ้างที่บ้าน แล้วขับรถไปหายอดต้นรากสามสิบที่บางกรูด เตรียมกระต่ายขูดมะพร้าว หม้อ ถ้วยจานชาม เพราะมีการจัดกับข้าวนอกรายการเพื่อไม่ให้ยุ่งยากกับของใช้ที่คุณป้าสมจิตรหรือทีมงานคุณสตังค์จัดเตรียมไว้ เตาอั้งโล่สำหรับต้มผักน้ำพริกต่าง ๆ

ปรากฏว่าเตาอั้งโล่ที่ทิ้งตากแดดตากฝนมานานเป็นปี ๆ พอยกขึ้นจากที่วางก็แตกหลุดเป็นชิ้นส่วนไม่สามารถนำขึ้นรถได้




กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเที่ยงวัน ที่นัดบ้านที่ทำขนมชั้นไว้เมื่อไปถึงเพื่งทำเสร็จตัดชิ้นเป็นขนาดพอคำเรียบร้อยแล้ว

ขับรถเข้าวัดบางกรูดไปเก็บใบอ่อนเสม็ดแดงที่บ้านคุณพ่อสามี ซึ่งมีต้นเสม็ดแดงปลูกไว้สองต้น หวั่นใจอยู่ว่าถ้ามีใบอ่อนจะเก็บอย่างไรเพราะต้นสูงชะลูดเพราะการตัดแต่งกิ่งให้ต้นเติบโตทรงสูงไม่เป็นทรงพุ่ม
ต้นที่หนึ่งไม่มียอดใบอ่อนเลย ส่วนต้นที่สองอยู่ข้างบ่อน้ำ



ปรากฎว่าต้นเสม็ดแดงต้นที่อยู่ข้างบ่อน้ำ ล้มทอดเอนลงในบ่อ เมื่อสอดส่ายสายตาเห็นมียอดใบอ่อน พลอยโพยมก็ไม่รอช้า ปีนลงขอบบ่อ เนื่องจากภาวะฝนแล้งน้ำในบ่องวดแห้งลงไปมากจึงทำให้ลงไปยืนย่ำโคลนที่ขอบบ่อได้และลุยลงไปได้อีก ก็เก็บยอดใบอ่อน ๆ มาได้สมใจ แม้จะพบอุปสรรคใหญ่คือมดแดงเยอะมาก เอื้อมไปเด็ดกิ่งไหนก็โดนมดแดงรุมกัดจนแทบมุดลงน้ำไปเลย กว่าจะได้พอสมควรนำไปเป็นเป็นผักสดจิ้มน้ำพริกได้ก็โอดโอยกันหลายรอบ เนื้อตัวมีผื่นแดงทั้งเจ็บทัั้งคัน ดีที่เตรียมตัวพร้อมนุ่งกางเกงสามส่วนไว้ลุยสวนอยู่แล้ว

เรื่องตลกก็คือปีนลงมาได้แต่ปีนกลับขึ้นฝั่งบ่อน้ำไม่ได้เพราะขอบบ่อชันมากต้องอาศัยความชำนาญที่ฝึกมาแต่เล็กแต่น้อยในการส่งเสียงข้ามแม่น้ำบางปะกงเพื่อส่งเสียงร้องเรียกให้คนที่อยู่อยู่อีกฝั่งแม่น้ำพายเรือข้ามฝั่งมารับกลับบ้าน งานนี้ไม่ต้องตะโกนดังระดับเสียงข้ามฝั่งแม่น้ำ ก็มีคนมาช่วยดึงขึ้นจากบ่อ ชายขากางเกง แข้งขาเลอะโคลนตม ต้องล้างประเภทถูสบู่ดับกลิ่นโคลนกันเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น