วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

วัดโสธรวรารามวรวิหาร"...วัดคู่เมืองแปดริ้ว ๒..





ขอขอบคุณภาพจาก หนังสือโสธรวรารามวรวิหารมงคลคู่แปดริ้ว




วัดโสธร ฯ ในสมัยแรก ๆ ก็เหมือนกับวัดต่างจังหวัดทั่ว ๆ ไปไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่ห่างไกลความเจริญ พื้นที่ใกล้เคียงมีเพียงหมู่บ้านเล้ก ๆ และเป็นป่า จะสร้างขึ้นเมื่อใดนั้นไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัด อิงตามพงศาวดารทำให้เชืื่อได้ว่าน่าจะสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โดยใช้ชื่อว่า "วัดหงส์" มีที่ตั้งเดิมอยู่ชิดริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงทางด้านตะวันตก

ต่อมาแม่น้ำกัดเซาะจนตลิ่งพังลงมา วัดเดิมจึงหายไป มีการสร้างวัดขึ้นใหม่แทนที่และถอยร่นจากริมฝั่งแม่น้ำเข้ามา





ขอขอบคุณภาพจาก โสธรวรารามวรวิหาร มงคลคู่แปดริ้ว

ที่มาของชื่อ "วัดหงส์" เนื่องจากวัดมีลักษณะเด่นที่มีเสาสูงใหญ่มีหงส์เป็นเครื่องหมายอยู่บนยอดเสา
ต่อมาเกิดพายุใหญ่พัดตัวหงส์บนยอดเสาหักลงมาเหลือแต่ตัวเสาชาวบ้านจึงเอาธงขึ้นไปแขวนแทน และเปลี่ยนชื่อวัดว่า "วัดเสาธง" แทน

ครั้นเมื่อเกิดพายุพัดเสาธงหักลงอีกครั้งชาวบ้านจึงพากันเรียก "วัดเสาธงทอน" บ้าง "วัดเสาทอน" บ้าง
แต่เนื่องจากคำเรียกขานไม่ไพเราะ กอปรกับต่อมาได้มีการอัญเชิญพระพุทธรูปที่ลอยน้ำมาขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ได้

ชาวบ้านได้พร้อมใจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วัดศรีโสทร" ซึ่งสันนิษฐานว่ามาจากชื่อเดิมขององค์พระที่อยู่วัดศรีเมือง ทางภาคเหนือ

แต่บางตำราก็กล่าวว่าชื่อ "วัดโสทร" อันหมายถึงพระพุทธรูป สามองค์ ซึ่งพี่น้องร่วมอุทร สามคน ร่วมกันสร้างขึ้นและลอยน้ำมาตามตำนาน (ความหมายของคำว่า"โสทร" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน แปลว่า พี่น้องร่วมท้องกัน)


ภาพหน้าพระอุโบสถที่เคยเป็นที่พักอาศัยร้านค้าและท่าน้ำ
ขอขอบคุณภาพจากเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา

สำหรับคำว่า "โสธร" ที่ปรากฎในปัจจุบันนั้น มีความหมายว่า "บริสุทธิ์" หรือ "ศักดิ์สิทธิ์" สันนิษฐานว่ามาจากการที่หลวงพ่่อโสธรเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และมีรูปทรงสวยงาม


จุดเปลี่ยนที่สำคัญของวัดโสธร ฯ... เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ราว พ.ศ.  ๒๓๑๓ หลังจากว้ดได้อัญเชิญ "หลวงพ่อโสธร" ขึ้นจากลำน้ำบางปะกงมาประดิษฐานอยู่ที่วัด






ภาพเก่าพระอุโบสถวัดโสธรฯ (หลังเก่า) และบริเวณวัด

"วัดโสธรวรารามวรวิหาร"... ถือว่าเป็นวัดที่มีลักษณะดี ด้วยมีทำเลที่ตั้งเป็นสถานที่ศักดิิ์สิทธิ์และเป็นที่ธรณีสงฆ์ในการรักษาศาสนาสืบไป ตั้งอยู่ริมฝั่ง มีแม่น้ำบางปะกงโอบล้อมทางทิศใต้



ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.thailovetrip.com/view.php?id_view=259

จากความเชื่อเรื่อง "ฮวงจุ๊ย" ในธรรมเนียมจีน ทำเลลักษณะนี้เรียกว่า "ที่มังกร"
โดยเฉพาะที่หลวงพ่อประดิษฐานอยู่ทุกวันนี้ ถือเป็นส่วน หัวมังกร ซึ่งมีคำทำนายทายทักว่า หากพระพุทธรูปใดประทับ ณ สถานที่ลักษณะนี้ จะเกิดรัศมีบารมีและความศักดิ์สิทธิ์ในอันที่จะรักษาบ้านเมืองและสืบทอดพระพุทธศาสนาสืบต่อไป

จนนำมาสู่ความเชื่อว่าห้ามเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อจากที่เดิมเด็ดขาด ที่ผ่านมาเจ้าอาวาสองค์ก่อน ๆ มีความคิดที่จะย้ายที่ประทับขององค์หลวงพ่อเพื่อจะสร้างพระอุโบสถใหม่ถวาย แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะมีเหตุให้เป็นไปต่าง ๆ นานา

ขอขอบคุณภาพจากhttp://www.sawasdee-padriew.com/history-watsothon.html

วัดโสธรฯ ได้รับพระมหากรุณธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ยกฐานะจากวัดราษฏร์ เป็นพระอารามหลวงขั้นตรีชนิด วรวิหาร และพราราชทานนามว่า "วัดโสธรวรารามวรวิหาร" เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๑  และทรงให้การอุปถัมป์อย่างสม่ำเสมอจวบจนทุกวันนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น